วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เที่ยว ...สัตหีบ...เด้อจร้า...


ต้นตาลเรียงกันที่สนามหญ้าเหมือนสัญลักษณ์ของหาดเตยงาม
จากประวัติที่อ่านมาในหลายๆแห่งบอกมาว่าหาดเตยงาม ยังมีชื่ออื่นคืออ่าวนาวิกโยธิน (คงเรียกตามสถานที่ตั้ง) อ่าวทุ่งไก่เตี้ย อ่าวตากัน ที่หาดเตยงาม ดูจะสะดวกสบายกว่าหาดทรายแก้วอยู่มาก จอดรถปุ๊ปก็ถึงเลย มีอาหารให้เลือกกินเยอะ และคนก็เยอะตามไปด้วย
บริการขนม เครื่องดื่ม เสื่อ เก้าอี้ผ้าใบให้เช่า ผมปูเสื่อแถวๆนี้ละครับ ลมเย็นสบายดี มีนวดแผนโบราณด้วย คิวเยอะมาก เห็นแล้วอยากนวดบ้างจังน่าจะสบายตัวดี มาดูที่หาดกันบ้างดีกว่า
เห็นภูเขาเขียวๆ กับน้ำทะเลใสๆ วิวสวยมากๆ
เดินลงทะเลซะหน่อย มาทะเลไม่ลงทะเลก็เหมือนมาไม่ถึง เรื่องความใสของน้ำทะเล ผมว่าใสกว่าหาดทรายแก้วนะ แต่ดูแล้วหาดนางรำใสกว่า แต่ยังไงก็ใสกว่าพัทยาแน่นอน สะอาดด้วย
อากาศค่อนข้างร้อนครับ บางคนกางร่มให้เด็กเล็กๆเล่นน้ำเลย
หาดเตยงามคลื่นไม่แรง เด็กเล็กเล่นน้ำได้สบาย ชายหาดกว้างด้วยเดินไปตั้งไกล ไม่ลึกซะที
กิจกรรมทางน้ำก็มีบานาน่าโบ๊ท พายเรือคายัค หรือจะลงเรือกระจกไปดูปะการังรอบๆเกาะไก่เตี้ยก็น่าสนใจ
รถตัวหนอนพาไปเที่ยว จุดเริ่มต้นที่หาดเตยงาม ระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่เห็นทหารมาวิ่งออกกำลังกายด้วยมากันเป็นกองร้อยเลย คนมองกันเต็มเลย เสียดายไม่ทันได้ถ่ายรูปให้ดู
ภาพสุดท้ายของทริปหาดเตยงาม เกาะที่เห็นชื่อ เกาะไก่เตี้ย ครับ
สรุป ผมว่าหาดเตยงามจะเหมาะกับทริปครอบครัว แบบประหยัด ที่กินอยู่กันง่ายๆ เสื่อซักผืน กับข้าวอร่อยๆ มีที่ให้เด็กๆเล่นน้ำ อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว ที่นี่กางเสื่อกันติดๆเลย เรื่องอาหารการกิน ความสะดวกสบาย หายห่วงครับ ลงจากรถก็เห็นหาดเลย หาดเตยงามเป็นอีกหาดที่มีน้ำใส สะอาด คลื่นไม่เยอะ มาเที่ยวกันนะครับ รับรองไม่ผิดหวัง
แผนที่ไปหาดเตยงาม อันนี้เป็นแผนที่ไปหาดเตยงามที่ผมวาดเอาเองแบบคร่าวๆ print ไว้ดูตอนเดินทางจะได้ไม่หลงครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เที่ยว...น้ำตกวังตะไคร้...จังหวัดนครนายก...เด้อจร้า


น้ำตกวังตะไคร้ อ.เมือง จ.นครนายก
          ข้อมูล ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตั้ง ใกล้กับน้ำตกนางรอง น้ำตกวังตะไคร้เป็นของกรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิจ และหม่อมราชวงศ์หญิงพันธุ์ทิพย์บริพัตร เป็นอุทยานที่ได้รับการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ในเนื้อที่ 1,500 ไร่ มีถนนให้นำรถยนต์เข้าชมในบริเวณได้ เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไปทั้งประเภทเช้าไปเย็นกลับ และประเภทค้างแรม ค่าบริการ นักท่องเที่ยวเดินเท้า คนละ 10 บาท รถยนต์ รถกระบะ รถตู้ รถสองแถว คันละ 100 บาท (ผู้โดยสารไม่เกิน 4 คน) มากกว่า 4 คน คิดเพิ่มตามจำนวนคนๆ ละ 10 บาท รถบัส คนละ 10 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ http://www.wangtakrai.com การเดินทาง อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 16 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 3049 สถานที่ท่องเที่ยว จ.นครนายก



ประวัติความเป็นมาของวังตระไคร้
          มูลนิธิฯ ขอนำข้อเขียนของ ม.ร.ว.พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดวังตะไคร้ร่วมกับพระสวามี คือ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต หรือ “เสด็จในกรมฯ” ที่ได้เขียนไว้ในหนังสือ “วังตะไคร้” จัดพิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานประดิษฐานพระรูป พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต ณ วังตะไคร้ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2506 มาให้ท่านอ่านเพื่อให้ทราบถึงจุดกำเนิดวังตะไคร้
         
           “เมื่อประมาณ 15 ปี มานี้... เสด็จในกรมฯ ข้าพเจ้า และเพื่อนฝูงได้มีโอกาสไปเที่ยวน้ำตกสาริกา โดย พระนิกรบดี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และขุนสนิทประชากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เป็นผู้พาไป เวลานั้นถนนจากตัวเมืองนครนายกถึงน้ำตกยังไม่มี พวกเราต้องนั่งเรือยนต์เผาหัวแล่นขึ้นลำแม่น้ำนครนายกคดเคี้ยวไปมา 3 ชั่วโมง จากนั้นขึ้นบกตรงวัดเขานางบวช เรารับประทานอาหารกลางวันที่นั่น ขุนสนิทประชากรจัดช้างมารับหลายเชือก ข้าพเจ้าเห็นกูบช้างเป็นโครงไม้ครอบอยู่บนหลังช้าง จึงขอสมัครเดินมากกว่า คนอื่น ๆ ก็พลอยสมัครเดินตามข้าพเจ้าด้วย เลยไล่ช้างกลับ พวกเราเดินข้ามทุ่งนาไปทางเดียวกันกับทางช้างเดิน เป็นเหตุให้บางคนพลัดตกลงไปในลุ่มรอยเท้าช้าง จึงเป็นเรื่องขบขันให้ล้อกัน เดินต่อมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เราก็พยายามเช่าเกวียนเพื่อเดินทางต่อ ควายได้กลิ่นคนแปลกหน้าก็ดื้อไม่ยอมให้เทียม สักพักหนึ่งจึงเทียมได้ มีบางคนนั่งเกวียน บางคนก็เดิน ถึงน้ำตกระยะทางราว 10 กิโลเมตร ตอนนั้นน้ำตกสาริกาเป็นที่รู้จักของชาวบ้านแถบนั้นเท่านั้น ยังสะอาดสวยงามตามธรรมชาติ
พวกเราพักสักครู่ก็ลงอาบน้ำในอ่างใสแจ๋วเย็นชื่นใจ ขากลับฝนตกหนักเล่นเอาพวกเราเปียกโชกไปหมด คนขี้หนาวตัวสั่นเป็นลูกนก เพื่อนคนหนึ่งหมดแรงถึงกับหล่นลงมาจากเกวียน กว่าจะเดินทางกลับมาลงเรือก็พลบค่ำ เคราะห์ดีเรือมีไฟฉายใหญ่สามารถเดินทางกลางคืนได้ ขากลับเรือแล่นเร็วกว่าขาไปเพราะตามน้ำ ถึงที่พัก ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกประมาณ 4 ทุ่มเศษ จึงรับประทานอาหารค่ำและหลับไหลด้วยความอ่อนเพลีย

          

          การเดินทางครั้งนี้ นอกจากสนุกสนานตาม ๆ กันแล้ว ข้าพเจ้าตื่นเต้นทิวทัศน์ตำบลสาริกามาก บริเวณนั้นเต็มไปด้วยเขา ต้นไม้ใหญ่ และธารน้ำใส ข้าพเจ้าทราบว่า ทางจังหวัดได้มีโครงการตัดถนนจากตัวเมืองนครนายกไปยังน้ำตกสาริกาอยู่แล้ว ต่อไปการไปมาก็คงไม่ยากเช่นนี้ ข้าพเจ้าจึงอ้อนวอนเสด็จในกรมฯ ให้ทรงซื้อที่ดินแถบนั้นสำหรับปลูกที่พักตากอากาศ
ความจริงบริเวณนั้นยังเป็นที่เปลี่ยวไม่น่าอยู่ สัตว์ร้ายเช่นช้างป่าและหมีก็ชุกชุม ข้าพเจ้ายังได้พบชายชาวบ้านคนหนึ่งหน้ายุบเพราะโดนหมีตบ แต่เราก็เลือกซื้อได้ที่ริมห้วย ตรงข้ามวัดหมู่บ้านสาริกา ซึ่งขณะนั้นเรียกว่า “วัดคีรีเมฆลา” พอเราปลูก “ตำหนัก” ในที่ ๆ เสด็จในกรมฯ ทรงซื้อเสร็จเรียบร้อย พระครูเจ้าอาวาสจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดตำหนัก” เพราะหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งเคยไปเที่ยวกับเราบ่อย ๆ ทักท้วงว่า “คีรีเมฆลา” มีความหมายไม่ดี คือ เป็นชื่อช้างที่พระยามารขี่


          

          ที่ดินผืนที่เราซื้อและปลูกตำหนักนี้ติดคลองสาริกา แต่คลองตอนนี้ไกลน้ำตก จึงไม่มีก้อนหินใหญ่ ๆ ทั้งพื้นดินก็เป็นทรายปนโคลน บางครั้งเล่นน้ำพวกเราถูกปลิงเกาะตาม ๆ กัน ข้าพเจ้าพยายามจะสร้างแก่งขึ้น โดยให้คนงานขนหินจากที่อื่นมาทุ่มลงไปในคลอง แต่ก็ไม่เป็นผล บ้านที่สร้างขึ้นต่อมาก็คับแคบสำหรับพวกเรา เพราะมีสมาชิกมาร่วมมากขึ้นทุกที จึงได้แต่เพียงอาศัยนอนเท่านั้น รับประทานอาหารเช้าแล้วออกไปเที่ยวตามเขาตามห้วย เดินกันทั้งวันก็มี โดยมีข้าวห่อเป็นเสบียงติดไป และดื่มน้ำตามลำธาร ถ้าเดินไกลหลายวันก็มีลูกหาบขนของและเต็นท์นอนไปด้วย ครั้งแรกปีนขึ้นไปบนเขาใหญ่ สมัยนั้นไม่มีถนนขึ้นไป เที่ยวเดินอยู่ 5วัน กลางคืนนอน รุ่งเช้าก็ย้ายแค้มป์และเดินต่อไปเช่นนั้นทุกวัน ครั้งหนึ่งเราไปถึงน้ำตกนางรองซึ่งเวลานั้นยังไม่มีใครรู้จัก น้ำตกนี้งามเหลือเกิน เหมือนสวนญี่ปุ่นที่จัดไว้โดยบังเอิญ ไม่มีบังกาโล เสาไฟฟ้าคอนกรีตรอบอ่างน้ำ น้ำตกในนครนายกมีมากพวกเราพยายามเดินไปทุกแห่งเพราะรักในการท่องเที่ยวแบบนี้ คราวหนึ่งไปน้ำตกเหวกฐินต้นน้ำคลองมะเดื่อ เราไม่ได้เอาเต็นท์ไปด้วย เพราะกะจะอาศัยอยู่ในถ้ำ เนื่องจากฝนตกทั้งวัน เมื่อไปถึงถ้ำน้ำท่วมเสียแล้ว เลยต้องปีนไปในที่สูง ตัดต้นกล้วยป่าทำเป็นเพิงนอน ดีที่ครั้งนี้เสด็จในกรมฯ ไม่ได้เสด็จไปด้วย พวกที่ไปกัน 7 คน เป็นไข้มาลาเรียทั้งหมด นอกจากข้าพเจ้าและกำนันผู้ซึ่งนำทาง กำนันคนนี้ไม่ได้รับประทานยาป้องกันไข้ แต่มีความต้านทานเพราะเคยชิน คนอื่นรับประทานกันไปก่อนเดินทางแล้ว น้ำตกเหวนรกอีกแห่งหนึ่งไกลมาก ต้องเดินทั้งวันค้างคืนกลางทางและอีกครึ่งวันจึงถึง บริเวณเป็นครกหินใหญ่ น้ำตกสูงมาก สวยแต่ดูน่ากลัว ในป่าแถวนี้พบรอยช้างป่าเสมอ ผู้นำทางเล่าว่า เคยเผ่นหนีปีนขึ้นไปค้างคืนบนต้นไม้ คราวนี้เคราะห์ดีที่ไม่เจอ น้ำตกที่สวยที่สุดคือ น้ำตกแม่ปล้อง มีน้ำตกลงอ่างใหญ่ ๆ หลายชั้น เดินจาก วังตะไคร้ก็เพียงสามชั่วโมงเท่านั้น
       
 

            สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จเยือนอุทยานวังตะไคร้
การไปเที่ยวน้ำตกต่าง ๆ ของจังหวัดนครนายกเป็นเหตุให้เจอ “วังตะไคร้” เพราะเป็นสถานที่ที่พวกเราต้องผ่านไป-มา เกือบทุกครั้ง ข้าพเจ้าชอบลงเล่นน้ำตรงนั้นเสมอ แม้ว่าในขณะนั้นจะเห็นไม่ได้เลยว่า พื้นที่เป็นอย่างไร เพราะปกคลุมไปด้วยต้นอ้อและหญ้าคา รกจนเดินสำรวจไม่ได้ แต่ข้าพเจ้าก็ชอบแก่งตรงนั้นเสียจริง ๆ น้ำใส หินใหญ่ ไม่มีปลิงเหมือนห้วยที่สาริกา ต่อมาจึงซื้อที่ดินบริเวณวังตะไคร้นี้จากชาวบ้านเอาไว้สำหรับเที่ยวเล่นและว่ายน้ำต่อมาอีก 3 ปี ถนนจากหมู่บ้านสาริกาไปนางรองได้ผ่านวังตะไคร้แล้ว เราจึงปลูกบ้านพักใหญ่ใกล้ลำธารบริเวณวังตะไคร้ และย้ายจากสาริกาไปอยู่ที่นั่น บ้านสาริกาพร้อมด้วยสวนผลไม้ที่ปลูกสร้างขึ้น ได้ยกให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อเป็นสถานีอนามัยตำบลสาริกา จากนั้นเราได้ซื้อที่บริเวณวังตะไคร้เพิ่มเติมทีละแปลงสองแปลงจนจดเขา และได้ตบแต่งปรับปรุงบริเวณวังตะไคร้จนเป็นอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้”
         

           ม.ร.ว.พันธุ์ทิพย์ บริพัตร หรือ “คุณท่าน” ใช้เวลากว่า 10 ปี ในการหักร้างถางพง วางแผน จัดสถานที่ และปรับสภาพจากป่าซึ่งอุดมด้วยต้นไม้ใหญ่ ต้นอ้อและหญ้าคา มาเป็นสนามหญ้านวลน้อยอันเขียวสด โดยมีเสด็จในกรมฯ ทรงเป็นผู้สนับสนุนการดำเนินงานเรื่อยมา เพราะพระองค์ทรงทราบว่า วังตะไคร้เป็นสถานที่ที่"คุณท่าน"สร้างขึ้นจากความฝันซึ่งมีมาแต่วัยเยาว์ อีกทั้ง 2 พระองค์ ทรงโปรดสถานที่แห่งนี้มาก จึงใช้เป็นที่ประทับพักผ่อนส่วนพระองค์และญาติมิตรบ่อยครั้ง
เสด็จในกรมฯ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2502 "คุณท่าน"ทราบดีว่าเสด็จในกรมฯ ทรงโปรดวังตะไคร้มาก จึงได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังทรัพย์ปรับปรุงสถานที่ให้งดงามยิ่งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระองค์ พร้อมทั้งได้นำพระรูปเสด็จในกรมฯ มาประดิษฐานในวังตะไคร้ด้วย นอกจากต้องการให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจแล้ว คุณท่านยังได้รวบรวมพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งการสั่งซื้อและการแลกเปลี่ยนด้วยความเอื้อเฟื้อของนักเล่นต้นไม้บ้าง นำมาปลูกใน วังตะไคร้โดยหวังให้เป็นสถานที่ให้ความรู้ทางด้านพฤกษศาสตร์ และได้เริ่มเปิดวังตะไคร้ให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2505
          

          “ในที่สุดข้าพเจ้าหวังว่า สถานที่วังตะไคร้ซึ่งเสด็จในกรมฯ และข้าพเจ้าฝังจิตใจไว้จะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอันถาวรสร้างความสดชื่นสนุกสนานรื่นเริง พร้อมทั้งความรู้ทางพฤกษศาสตร์แก่ทุกท่านตลอดไปชั่วกาลนาน”